Johannes Brahms
โยฮานเนส บราหมส์
จูลส์ มาสเซเนท์ (1842 1912) เคยกล่าวเปรียบเปรยไว้ว่า โยฮัน สเตราส์ (1825 1899) คือกลิ่นอายของกรุงเวียนนา แต่บราหมส์คือจิตวิญญาณ
นั้นคือนิยามจากรุ่นน้องสำหรับโยฮานเนส บราหมส์ ผู้มาจากครอบครัวยากจนข้นเข็ญ พ่อเป็นคนเล่นซอเบส แต่ได้รับการต่อทางดนตรีอย่างดีเลิศจากมาร์ก เซน คีตกวีชาวแฮมเบิก ซึ่งแลเห็นแววอัจฉริยะในลูกศิษย์คนนี้ และพยายามต่อยอดให้ บราหมส์จึงสามารถออกโรงในฐานะนักเปียโน และผู้เล่นประกอบตั้งแต่อายุยังน้อย จน โยเซฟ โยอาคิม (1831 1907) นักไวโอลินมือเอกแห่งยุค ชาวยิวฮังกาเรียน ค้นพบเพชรเม็ดงามนี้เข้า และได้แนะนำให้ได้รู้จักกับ ฟรานซ์ ลิซท์ และ โรเบิร์ท ชูมานน์ เขียนยกย่องในบทความ New Journal of Music ซึ่งตนเป็นบรรณาธิการให้โลกรู้จักบราหมส์ในฐานะนักดนตรี และนักแต่งเพลง ถึงขนาดเป็นทายาทแห่งเบโธเฟนนั่นเทียว
หลังรับตำแหน่งผู้อำนวยการดนตรีในเมืองเด็ทโมลด์ ได้สองสามปี และจะไปตั้งรกรากในแฮมเบิก บราหมส์อดรนทนไม่ได้ ต้องย้ายไปอยู่เวียนนา จึงเริ่มงานเขียนเพลงเป็นจริงเป็นจัง ได้บท เรเควียม และ ซิมโฟนีทั้งสี่บท
ระหว่างที่ชื่อเสียงกำลังโด่งดัง ก็ถูกเสี้ยมโดยนักเขียนวิจารณ์ดนตรี ชื่อ เอดวาร์ด ฮันสลิค ให้เป็นคู่กัดกับวากเนอร์จนตายจากกันไปทั้งคู่ ซึ่งโดยบุคลิกแล้ว บราหมส์เป็นคนค่อนข้างสมถะ เก็บเนื้อเก็บตัวเกินกว่าจะหาญกล้าไปต่อกรกับคนดังอย่างวาร์กเนอร์ได้เลย กระนั้น น่าจะเป็นพรหมลิขิตที่กำหนดให้ทั้งสองเป็นผู้ยิ่งใหญ่วงการดนตรีแห่งกึ่งหลังของศตวรรษที่สิบเก้า และต่างก็ฝากผลงานยิ่งใหญ่ไว้เป็นมรดกคีตพิภพ ซึ่งมีลักษณะบูรณาการต่อกัน ทั้งๆที่ต่างกันคนละขั้ว บราหมส์ถือเป็นผู้มีแนวความคิด และรูปแบบดนตรีแบบคลาสสิคสืบทอดจากเบโธเฟน แต่ก็เร่าร้อนด้วยอุดมการณ์อิสระทางดนตรีไม่แพ้วากเนอร์ ภาษาดนตรีสำเนียงโรแมนติค ทว่าแผกจากวากเนอร์หรือชูมานน์อย่างสิ้นเชิง สำหรับบราหมส์นั้น ใช่แต่เสียงหรือวิธีแสดงออกเท่านั้นที่แสดงความเป็นปัจเจกของเขา แต่แนวดนตรีและความเพียรในการเรียงร้อยทุกวลีดนตรี ด้วยความวิริยะอุตสาหะก็เป็นตราประจำตนของเขาด้วย
ที่เกริ่นในย่อหน้าที่สอง ว่าโยอาคิมไปค้นพบความสามารถของบราหมส์นั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นในบาร์จิ้งหรีด ย่านกลาสีเมืองแฮมเบิก ดังตำนานย่อๆดังนี้
ประตูร้านเหล้าซอมซ่อเปิดผลัวะครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งก็พาเอาเกล็ดหิมะหอบโดยลมหนาวเข้ามา มีลูกค้าเพิ่มมาสามคน เป็นหญิงขี้เมาสิงสถิตประจำย่าน กับเด็กหนุ่มนักปอกลอกอีกสองคน ทั้งสามดูท่าจะเมาได้ที่แล้ว แต่ไม่ลืมแวะดื่มตบท้ายก่อนล่ำลาราตรีกันอีกสถาน และปราดมานั่งโต๊ะถัดจากบราหมส์กับเพื่อนโดยไม่ลืมตะโกนสั่งเหล้าก่อนก้นแปะม้านั่ง ทันใด สาวเจ้าก็ส่งเสียงลั่น อาจารย์ เล่นเพลงเต้นรำหน่อยซี หนูอยากเต้น จากคำทักทายฟังว่าเจ้าหล่อนรู้จักบราหมส์เป็นอันดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบราหมส์ก็เจริญรอยตามเบโธเฟน ซึ่งรู้จักแยกแยะการคบหาผู้คน แม้ในซอกหลืบราตรีตามแหล่งอโคจร บราหมส์ลุกขึ้นโดยไม่ลังเล เดินช้าๆแต่มั่นคงทุกก้าวย่าง เข้าประจำเปียโนคร่ำคร่าที่ห่างร้างการตั้งเสียง พิงผนังเขรอะคราบควันบุหรี่มาชั่วกัปชั่วกัลป์ แล้วก็เริ่มเล่นเพลงเต้นรำ สารพัดจังหวะ และก่นเพลงขี้เมาดึกดำบรรพ์มาเล่น ให้สาวเจ้าได้เต้นรำกับเด็กหนุ่มปอกลอกสมใจ ร่วมชั่วโมงก่อนจะกลับไปที่โต๊ะ จ่ายสตางค์ค่าเหล้าโต๊ะของตนและกลับบ้าน
แมกซ์ กราฟ นักวิจารณ์ดนตรีเพื่อนชาวออสเตรียนที่มานั่งกินเหล้าด้วยคืนนั้นให้ฉงนเป็นกำลัง ถึงกับจะจัดทำป้ายประดับร้านเหล้าว่า บราหมส์เล่นเพลงเต้นรำที่นี่ จนรุ่งขึ้นเช้า ปะหน้าเพื่อนผู้อาวุโสที่เพิ่งแยกจากกันเมื่อคืน จึงได้ความกระจ่างจากนายเบลา ฮาส์ นักท่องราตรีชื่อดังว่า อ้าว! นายก็ไม่รู้เหมือนกันหรือ ฉันถามเขาแล้ว เขาบอกว่า ตั้งแต่ยังเด็ก เขามาเล่นรับค่าแรงรายคืนเป็นประจำ เล่นจนใกล้รุ่ง กว่าบรรดากลาสีกับโฉมงามจะถอนรากกลับบ้าน ที่เล่นอย่างเมื่อคืนนั้น เขาว่ามันช่วยฟื้นความหลังยาวนานแต่ไม่ขมขื่นได้ดีกว่าอะไรหมดเชียวเกลอเอ๋ย
ปกติ วันซ้อมใหญ่ก่อนวันจริง ชาวเยอรมันจะเข้าไปฟังการซ้อมได้โดยไม่เสียค่าผ่านประตู ครานั้น บรารหมส์เล่น คอนแชร์โต เอ ไมเนอร์ ของชูมานน์ และพลาดไปหลายโน้ต วันแสดงจริง เธอจึงรุดไปซ้อมคนเดียวแต่เช้า และได้ขอให้เซอร์ จอร์จ เฮ็นเซล (1850 1934) วาทยกรสำหรับคืนนั้น ไปฟังซ้อมด้วย สายหน่อยก็ได้ เมื่อเซอร์จอร์จไปถึง เห็นบราหมส์นั่งที่เปียโน เล่นเป็นไฟแลบอยู่คนเดียว กับเพลง คอรัล แฟนตาเชียของเบโธเฟน และคอนแชร์โตของชูมานน์ หน้าตาแดงก่ำด้วยความดื่มด่ำและฤทธิ์แรงของความอุทิศ เมื่อรู้สึกตัวว่าเซอร์จอร์จมายืนอยู่ข้างๆ บราหมส์หยุดซ้อมชั่วขณะ หันมามองด้วยแววตาวางใจเช่นเด็กน้อย กล่าวว่า ไม่ไหวเลยท่าน คืนนี้คนฟังข้างล่างหวังจะได้ยินอะไรดีๆ แต่ดูท่าผมจะเล่นไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย จะให้ผมเล่นสบายๆ เพลงยากกว่านี้ก็ได้ ถ้านิ้วผมยาวกว่านี้สักหน่อย ถึงคอนแชร์โตของผมเองก็เถิด แต่เพลงไล่สเกลไดอาโนนิคนี่สุดจะยากจริงๆ แม้จะบอกตัวเองว่าทำได้ แต่ ฟังดูเถอะ มันยังแสนเข็ญอยู่ดี
ในบรรดาบุคลิกทั้งปวงของบราหมส์ สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือความซื่อ และมักจะถูกเพื่อนอำโดยไม่รู้ตัว แม้จะเป็นศิลปินยิ่งใหญ่ ความมีน้ำใจก็ไม่ยิ่งหย่อนไปเลย และข้อเสียคือ ถ้าขัดใจไม่ชอบอะไรแล้วจะหลุดปากพูดออกไปทันที จนความตรงไปตรงมาของบราหมส์ สำหรับคนวงนอก จึงมักเห็นว่าเธอเป็นคนแข็งกร้าว แต่มีคำกล่าวในวงสังคมเวียนนาที่ล่ำลือกันนาน ว่าคืนหนึ่ง หลังงานเลี้ยง บราหมส์กล่าวลาเจ้าภาพด้วยความจริงใจว่า และขออภัยด้วยนะครับ ถ้าคืนนี้ผมเกิดละเลยลืมด่าแขกของท่านไปบ้างสักคนสองคน
กับผลงานเพลงคนรู้จัก บราหมส์ก็ไม่ละเว้นที่จะแสดงความคิดเห็น เช่น เมื่อไปพบโน้ตเพิ่งพิมพ์ใหม่เอี่ยมของ อิกนาซ บรึล (1846 1907) นักแต่งเพลงชาวออสเตรียอีกคนที่บ้านของอิกนาซเอง บราหมส์ปราดเข้าไปพลิกอ่านที่ละหน้าที่เปียโน ที่สุดจึงอุทานว่า งามเหลือเกิน! งามเหลือเกิน พาเอาอิกนาซเจ้าของงานยิ้มแก้มปริเป็นปลื้ม แต่บราหมส์กล่าวต่อว่า ไม่เคยเห็นเขาออกแบบพิมพ์ปกสวยอย่างนี้มานานแล้ว
เมื่อ โดชาก (อังตง 1841 1904 คีตกวีชาวเช็คโก) ส่งผลงานไปให้วิจารณ์ บราหมส์ตอบต่อหน้าว่า ทุกวันนี้เราคงเขียนเพลงได้บรรเจิดเช่นท่านโมสาร์ทกันไม่ได้อีกแล้ว แต่กระนั้น เราก็ควรเขียนโน้ตให้สะอาดกันหน่อยเถิด
ที่ไลพ์ซิก บราหมส์มักจะนอตหลุดเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อปฏิกิริยาตอบรับเปียโนคอนแชร์โต ดี ไมเนอร์ ที่เกวานด์เฮาส์ออกมาไม่ดีนัก คนที่โดนคนแรกไม่แคล้ววาทยกร ผู้ซึ่งถามเขาว่า คืนนี้บราหมส์จะเล่นพาไปถึงไหน ถึงสวรรค์หรือนรกมันก็เหมือนกันแหละ ถ้าท่านเป็นคนเคาะ
ค่ำวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ.1853 ฟรานซ์ ลิซท์เข้ามาที่เมืองอัลเทนเบิก และส่งเทียบเชิญนักดนตรีหนุ่มให้มาที่พักในตอนเช้ารุ่งขึ้น ในบรรดาแขกผู้รับเชิญนั้น ลิซท์ปรารถนาเป็นพิเศษจะได้พบนักเปียโนคีตกวีที่ร่ำลือกันว่าฝีมือเยี่ยมยอด นามว่า โยฮานเนส บราหมส์
รุ่งเช้า แขกของลิซท์ประกอบไปด้วย วิลเลียม เมสัน(1829 1908) นักเปียโนชาวอเมริกัน บราหมส์ และ เอดวาร์ด เรอเมนยี(1830 1898) นักไวโอลินพเนจรชาวฮังกาเรียน คู่มือของบราหมส์ ก่อนลิซท์จะลงมาจากที่พัก วิลเลียมพบหอบโน้ตที่บราหมส์ติดมือมาด้วย เขียนด้วยลายมือ แสดงว่าเพิ่งแต่งเสร็จใหม่ๆ ปึกแรกคือ เปียโนโซโล Scherzo อี แฟลต เมเจอร์ ลายมือแทบอ่านไม่ออก เพราะโยงเส้นโน้ตเปรอะไปเกือบทั้งหน้า วิลเลียมยังคิดว่า ถ้าจะเอาไปเล่นเอง เห็นทีจะต้องคัดใหม่หมดเสียก่อน จึงจะเล่นไหว
ในที่สุด ลิซท์ก็ลงมาจากห้องพัก เอ่ยปากทักทายนักดนตรีรุ่นลูกครบทุกคนแล้วก็หันไปทางบราหมส์ เราอยากจะฟังเพลงของเธอเสียเหลือเกิน พร้อมเมื่อไหร่ แสดงหน่อยได้ไหมเล่า พ่อหนุ่ม? แต่หนุ่มบราหมส์ของเราระย่นย่อต่อชื่อเสียงท่านคุรุผู้ยิ่งใหญ่จนเหงื่อแตกซิก ตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาถึงที่พักแล้ว ได้แต่ออกตัวบ่ายเบี่ยงท่าเดียว เมื่อท่านลิซท์เห็นว่าออกปากให้บราหมส์แสดงฝีมือเท่าใด ท่าจะไม่เป็นผล ก็เดินไปที่โต๊ะ หยิบโน้ตปึกแรกนั้นมาเปิดหน้าเปียโนทันที
เอ้า! ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องเล่นเองเสียแล้วหละ นิ้วมือยาวใหญ่พลันพรมบนแป้นเปียโน เล่นจากโน้ตฉบับลายมือยุ่งขิงนั้นอย่างไม่มีปัญหาอะไรเลย ปากก็พร่ำติชมตรงนั้นตรงนี้ พาให้บราหมส์เป็นปลื้มเหลือที่จะกล่าว
สักพัก เมื่อนักดนตรีรุ่นลูกขอให้ท่านเล่นเพลงของท่านเองบ้าง ท่านไม่รอช้า บรรเลงเพลงใหม่แสนไพเราะที่ท่านโปรดต่อทันที และเมื่อมาถึงท่อนเด็ด ท่านหันไปทางลูกหลานเพื่อสังเกตปฏิกิริยาภวังค์ภิรมย์ของแต่ละคน ซึ่งท่านก็ไม่ผิดหวัง แต่เมื่อเหลียวมาทางบราหมส์ หนุ่มน้อยของเรานั่งนกหลับจะตกเก้าอี้เสียแล้ว ไม่รู้ว่าเข้าลึกในภวังค์หรือหมดความสนใจไปเฉยๆอย่างนั้นแหละ
งานอดิเรกของบราหมส์คือเดินท่องป่าชานเมือง เช่นป่าเวียนนา หลายชั่วโมงเมื่อออกมาจะแวะโรงเตี๊ยมกินกาแฟ แต่เจ้าของร้านมักเอารากป่นของต้นชิคอรีมาผสมกับเม็ดกาแฟ ซึ่งบราหมส์ไม่ชอบ ทุกครั้ง บราหมส์จะถามหาเจ้าของว่ามีชิคอรีบ้างไหม และขอดูถุงบรรจุ มีเท่านี้หรือจ๊ะ? ถ้ามีอีกขอดูหมดเลย ต่อเมื่อแน่ใจว่ามีถุงชิคอรีทั้งร้านวางบนโต๊ะแล้ว บราหมส์ก็เอาถุงมาวางหน้าตัก กล่าวขอบคุณเจ้าของร้านหน้ายิ้มพรายว่า เอาละ ทีนี้เจ้าช่วยกลับเข้าครัวต้มกาแฟดำล้วนๆมากินกันหน่อยเถิด
กระนั้น บราหมส์เป็นผู้สมถะถ่อมตนยิ่งนัก และมักจะปัดคำยกย่องสรรเสริญของเพื่อนฝูงเสมอ เมื่อวงฟิลาโมนิกซ้อมเพลง Serenade นักดนตรีกระสับกระส่ายกันทั้งวง ส่อว่าเพลงของบราหมส์เล่นยากหรือลึกซึ้งจนเกินจะเข้าใจ บราหมส์ลุกจากที่นั่งคนดูขึ้นไปที่แป้นวาทยกร ทำสัญญาณให้หยุดเล่น กล่าวกับวงว่า ท่านทั้งหลาย ผมรู้ตัวว่า ผมมิใช่บรมครูเบโธเฟน ผมเป็นได้แค่โยฮานเนส บราหมส์เท่านั้น ขอให้เห็นใจและเข้าใจเพลงต่ำต้อยของผมบ้างเถิด
และทุกครั้งที่โยอาคิม นักไวโอลินที่ค้นพบบราหมส์พยายามจะชูจอก ขอให้วงสุราดื่มให้แก่คีตกวีผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค มิทันที่โยอาคิมจะกล่าวจบ บราหมส์จะแทรกมาทันทีเสมอ เอ้า! ดื่มๆ! ดื่มให้แก่โมสาร์ท! แล้วก็เดินเวียนชนแก้วกับทุกคนไป
โยเซฟ วิกเตอร์ วิดมัน นักหนังสือพิมพ์ชาวสวิส เพื่อนสนิทอีกคนของบราหมส์เคยเล่าความในใจของบราหมส์ ที่เผยขณะเดินท่องป่าด้วยกัน เกี่ยวกับข่าวลือเรื่องความผิดปกติทางเพศของบราหมส์ เธอรำพันว่า ผมพลาดเรื่องแต่งงานไปได้ทุกที พออยากแต่งก็มักไม่พร้อม ไม่ใช่เพราะรายได้ไม่พอเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียหรอกนะ แต่พอนึกอยากแต่ง เจ้าดนตรีนี่จะขู่ฟ่อเชียว ถ้าไม่ใช่เสียงปรบมือจากโรงคอนเสิร์ท ก็มักเป็นเสียงโห่ฮาป่า ผมเองนะทนได้ไม่หวั่นไหวหรอก เพราะปล่อยไปไม่ช้าคนก็จะคุ้น หันมาชอบเพลงเอง แต่ผมคิดถึงเมียที่ผมจะแต่งและกลับมาบ้านด้วยนะซี ว่าเธอจะทนไหวหรือ แล้วถ้าเจอกับแววตาสงสัย เห็นว่างานผมล้มเหลวอีก วันแล้ววันเล่า และถึงแม้จะได้เมียที่เข้าจิตเข้าใจดี ผมยิ่งทนไม่ได้ใหญ่ ถ้าเห็นแววตาเวทนาเห็นใจของเมียทุกเมื่อเชื่อวัน โอย! ผมไม่เอาด้วยหรอก
กับข่าวเล่าลือว่า บราหมส์มีอะไรกับนางคลาร่า ชูมานน์ ภรรยาของนักเปียโนนักแต่งเพลง โรเบิร์ท ชูมานน์ ผู้อาภัพ นั่นยิ่งไปกันใหญ่ ทั้งสองเป็นเพื่อนเลิฟกันเท่านั้น และบราหมส์อ่อนกว่าเธอตั้งรอบกว่า แม้งานใหญ่ทุกชิ้น บราหมส์จะคัดให้คลาร่าเอาไปเล่นก่อนเสมอ เพื่อขอคำวิจารณ์และคำปลอบประโลม เช่น บทเพลง Serenade ลำดับที่ 2 บันไดเสียง เอ เมเจอร์ สำหรับเครื่องลมเป่า คือ ขลุ่ย โอโบ แคลรีเนต บัสซูน แถมฮอร์นอย่างละคู่ และวงสายเสียงต่ำ Lower Strings ซึ่งไม่ใช้ไวโอลิน มีแต่วิโอล่า เชลโล และเบส บราหมส์สู้คัดลอกทำเป็นบทสำหรับเล่นเปียโนสองหลังพร้อมกัน ส่งให้คลาร่าเล่นตั้งแต่ยังไม่ทันได้ออกโรงด้วยซ้ำ ซึ่งฝ่ายหลังออกปากชมชอบอย่างสุดจิตสุดใจ แต่ผลงานเพลงนี้หาฟังยากเหลือเกิน เคยมีแผ่นเสียงก็สูญหายไปกับห้องสมุดโรงเรียนดนตรีศศิลิยะนานแล้ว ส่วนสกอร์ฉบับจิ๋วที่เคยมีก็ยังหาไม่พบ ถ้าพบเมื่อไร จะได้ขอให้วงจุฬาฯบรรเลงให้ฟังชื่นใจอีกครั้ง ล่าสุดเพิ่งไปพบที่ CD Warehouse บนห้าง Emporium เหลืออยู่ทั้งร้านแผ่นเดียวจริงๆ รหัส CD-80522เป็น Serenade ทั้งสองเพลง หมายเลข 1 (ดี ไมเนอร์) และ 2 พอดี บรรเลงโดย Scottish Chamber Orchestra มี Sir Charles Mackerras เป็นวาทยกร รีบเอากลับบ้านมาเปิดฟัง เหมือนกับได้เจอเพื่อนรักที่จากกันมาสักยี่สิบปี เพียงแต่จังหวะลีลาของแผ่นใหม่ที่เพิ่งพบนี้ ค่อนข้างจะกระชับ คงเป็นแบบฉบับของท่านเซอร์วาทยกร และวงเชมเบอร์ชาวสกอต ไม่อ้อยสร้อยดื่มด่ำได้ดุลเสียงชัดเจนเสมอกัน ทั้งภาคเครื่องเป่าลมไม้กับวงเครื่องสายอย่างที่จำติดหูจากแผ่นเก่า บรรเลงโดยสมาชิกวงเวียนนาก็เป็นได้ แต่ก็เอาดีแล้วละครับ
จานหยก | บทความโดย ดนัย ฮันตระกูล |